วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ความสุขที่หาซื้อได้

คนเรามักคิดว่าเราคงมีความสุขถ้า....ฉันสวย(หล่อ) กว่านี้
                                                            ....ฉันรวยกว่านี้
                                                            ....ฉันเก่งกว่านี้
                                                            ....ฉันประสบความสำเร็จ มีคนนับหน้าถือตามากว่านี้
                                                            ....ฉันสุขภาพดีกว่านี้
                                                            ....ฉันมีครอบครัวที่มีความสุขมากกว่านี้ 
                                                            ....ฉัน ฯลฯ..............


เราจึงมักดำรงชีวิตอยู่ด้วยความหวังว่า เรา จะเจอความสุขได้ในสักวันหนึ่งเมื่อเราได้มีหรือได้เป็นอย่างที่เราหวังเอาไว้

ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงอยู่ด้วยความรู้สึกขาดพร่องอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเหงา โดดเดี่่ยว ไม่ยินดีกับตนเอง

หลายครั้งได้มีประสบการณ์ดีๆผ่านเข้ามาให้ได้เรียนรู้  ประสบการณ์ความทุกข์เพราะความอยากได้  อยากเป็น อยากมี


ผู้หญิงคนหนึ่ง ภายนอกทุกคนมองว่าเธอช่างเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เป็นอย่างที่ใครๆก็ใฝ่ฝัน เธอสวย เธอรวย เธอเก่ง คนภายนอกคิดว่าชีวิตเธอคงมีแต่ความสุข

แต่แท้ที่จริงแล้วการที่เธอเป็นอย่างนั้น ทำให้เธอยิ่งทุกข์กับสิ่งที่เธอต้องเป็น ต้องพยายามทำตัวเองให้ได้อย่างที่คนอื่นคาดหวัง อย่างที่คนอื่นต้องการ ทั้งพ่อ แม่ ครอบครัว หรือสังคม

เธอต้องทุกข์เพราะความอยากของคนอื่น

และการที่เธอมีดีต่างจากคนอื่นนั้น ทำให้เธอคิดเอง ว่าเธอเก่ง เลิศ ไม่เหมือนใคร เธอไม่เคยเห็นใครดี ดูถูกคนอื่น ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม

เธอก็ต้องทุกข์จากการยึดตัว ถือตน 



ผู้หญิงวัยกลางคน  คนหนึ่ง   แม้ว่าไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยความพยายาม ทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิต เธอจึงเรียนรู้ว่าเธอ ต้องพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดถึงแปลว่าประสบความสำเร็จ  รวมถึงการหาคู่ชีวิตด้วย เธอแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่คนอื่นมองว่าสมบูรณ์แบบ ทั้งหล่อ รวย เก่ง

แต่หลังจากแต่งงานกันได้ไม่ถึงครึ่งปี ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อสามีของเธอไปมีคนอื่่น แท้จริงปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะ   เธอเอง.....

ด้วยความรู้สึกลึกๆของเธอที่ อยากได้ใคร่ดีมาตลอดนั้น ก็เพียงเพื่อมาชดเชยความรู้สึกพร่อง     รู้สึกขาด    ทั้งๆที่ไม่เคยมองเลยว่าตัวเองมีคุณค่า เหมาะสมกับสิ่งที่เธอได้มาครอบครอง

รวมถึงคนรักของเธอด้วยที่ลึกๆแล้ว เธอรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควร เธอจึงอยู่กับเขาด้วยความระแวง ว่าเขาจะไปเจอคนอื่นที่ดีกว่า และเหมาะสมกว่า  เธอจึงคอยระแวง ประชดประชัน กังวล บ่น จับผิด  มีปากเสียงกันบ่อย มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ

สามีก็เริ่มเบื่อเธอจริงๆ อย่างที่เธอกังวล ทำให้เขาเผลอใจไปกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ (ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย)

ความโชคดีที่คนอื่นเห็น ว่าเมื่อได้ครอบครองสิ่งที่ทุกคนปรารถนาจะมีความสุข แท้ที่จริงแล้วการที่ได้ครอบครองสิ่งที่เป็นที่ปรารถนานั้นก็พ่วงมาด้วยความทุกข์

และเมื่อหมดสิทธิ์ที่จะได้ครอบครอง ก็ยิ่งทำให้ทำใจยากที่จะต้องสูญเสียสิทธิ์นั้นไป ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์มากขึ้นไปอีก




ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง   เธอโชคดีที่ได้เจอสิ่งที่ใครๆเรียกว่าเนื้อคู่ หรือคู่แท้ ทั้งสองคนเป็นรักแรกของกันและกัน แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน หลังจากแต่งงานชีวิตเธอก็กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว โดยสามีเธอเป็นคนรับผิดชอบดูแลครอบครัวทั้งหมด ถึงแม้ว่าสามีของเธอไม่ใช่คนที่หล่อ รวย หรือดีกว่าใคร แต่ในสายตาของเธอ เขาก็เป็นสามีที่ซื่อสัตย์ และดูแลเธอและครอบครัวอย่างดี

ชีวิตเธอหลงอยู่ในความสุขที่ได้รับ เรื่องนี้อันที่จริงน่าจะจบลงอย่างมีความสุข แต่ ความเป็นจริงความสุขไม่ได้อยู่กับเรานาน

ข่าวร้ายที่เธอไม่เคยเตรียมใจรับกับมันก็เิกิดขึ้น เมื่อวันหนึ่งสามีเธอไปตรวจสุขภาพพบว่าอาการไอเรื้อรังที่เป็นมาในช่วงหลายเดือนนั้นไม่ใช่ภูมิแพ้ธรรมดา แต่มันเป็นมะเร็ง....ที่คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน

เงามืดเริ่มคืบคลานเข้ามาในชีวิต หลังจากนี้เธอจะทำอย่างไร เธอสับสน เคว้งคว้าง เหมือนใบไม้ที่ล่องลอยอยู่กลางทะเล ไม่มีที่ให้ยึดเกาะเหมือนที่ผ่านมา เวลานั้นเธอรู้สึกมืดมน ความคิดแรกที่เกิดขึ้นคือ ถ้าสามีเธอเป็นอะไรเธอคงอยู่ไม่ได้ เธอขอตายดีกว่า โดยเธอคิดจะพาลูกทั้ง 2 คน ไปด้วย โชคยังดีที่เธอยังไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ

การที่เรามีความสุขกับอะไรมากๆ ก็อาจทำให้เราประมาทที่จะเตรียมตัวเผชิญกับธรรมชาติของโลกที่ว่า .....ทุกอย่างต้องมีการจากลา 
                       .....ทุกอย่างเมื่อมีจุดเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุด
                       .....ไม่มีอะไรที่อยู่คงทน
                       .....ไม่มีอะไรที่เราสามารถไปยึดได้ว่าเป็นของเราจริงๆ

ความสุขที่เกิดขึ้นก็เหมือนหลุมพรางของธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ทำให้เราหลงวน กับสิ่งอันสวยงามภายในหลุมนั้น แต่พอรู้ตัวอีกทีเราก็ถูกกลบ ถูกขังอยู่ในหลุมนั้น เมื่อภาพลวงตานั้นหายไปคงเหลือแต่ ความมืดมน เพิ่งมาเห็นว่าหลุมที่หลงอยู่นั้นเป็นทุกข์



ทำอย่างไรหละ..ถึงจะได้ไม่ต้องหลงอยู่ในหลุมลวงความสุขนั้น

เมื่อยังดำรงสถานะความเป็นมนุษย์นั้น เราคงมีความรู้สึกทั้งสุข และทุกข์ มีอารมณ์ชอบ ไม่ชอบ ได้เสมอ แล้วก็ไม่ผิดที่จะหลงอยู่ในสุข หลงอยู่ในทุกข์ แต่สิ่งที่จะช่วยให้ไม่ประมาทก็คือ การมีสติรู้เท่าทันความรู้สึกที่เิกิดขึ้นขณะนั้นๆ

สุขก็แค่รู้ หลงอยู่ในสุขนั้นก็แค่รู้ และพร้อมเห็นความไม่เที่ยง รู้เท่าทันมัน
เมื่อเกิดความทุกข์ ก็แค่รู้เท่าทันมัน


ก็จะเห็นว่า "แม้ความทุกข์เอง  มันก็ไม่เที่ยง อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" 

มีสติ มีความสุข กับปัจจุบันขณะกันนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น